การลบผงเหล่านี้ของสำนักวัดโตนดหลวง ผู้ที่ได้รับการสืบทอดจะเป็นเพียงศิษย์รุ่นใหญ่และลูกหลานที่อยู่กับหลวงพ่อทองสุขมาก่อนเท่านั้น ศิษย์นอกวัดและศิษย์รุ่นหลังไม่มีใครได้และที่ไปเรียกว่าผงพระจันทร์ครึ่งซีกโดยไม่รู้จริงกันนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อย้อน เจ้าอาวาสวัดโตนดหลวงรูปปัจจุบัน ศิษย์รุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อทองสุข ได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ในสมัยที่หลวงพ่อจันทร์ วัดมฤคทัยวัน ศิษย์เอกหลวงพ่อทองสุข ได้คุมพระออกเดินธุดงค์ไปทางใต้แทนหลวงพ่อฯ วันหนึ่งได้เดินไปพบกับพระสายเขาอ้อแล้วได้พูดคุยแลกเปลี่ยนวิชาความรู้กัน โดยมีการพูดถึงการลบผงนี้ในตอนที่ลบตัวมะออกครึ่งตัวเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีกดังที่กล่าวมาแล้วตอนต้น พระหนุ่มในสำนักที่ไปด้วยได้ยินเข้าก็เอามาเล่าโม้ต่อๆกันไปโดยไม่ได้มีความรู้จริงอะไรเลย โม้กันปากต่อปาก ทำให้เกิดความผิดเพี้ยนเรียกกันแบบไม่ถูกและไม่รู้จริงกันมาถึงวันนี้ ดังนั้นผู้ใดที่เรียกว่าผงพระจันทร์ครึ่งซีกผู้นั้นคือผู้ไม่รู้จริงอย่างแน่นอน
นอกจากหลวงพ่อบุญรวบท่านได้ทำการลบขยายผงเพิ่มตลอดเวลาแล้วท่านยังเสาะหามวลสารต่างๆที่มีอิทธิคุณมาใส่ลงไปอีก อย่างเช่น หินงอกที่หน้ากุฏิท่าน ตัดไปอย่างไรก็งอกขึ้นมาอีก อัศจรรย์มาก (ท่านว่าเป็นเคล็ดแห่งความงอกงามเจริญเพิ่มพูนไม่มีหยุด) กิ่งกาหลง เม็ดกาหลง และว่านใจอ่อน ซึ่งท่านได้มาจากชีปะขาวที่ลพบุรี ว่านนี้มีอิทธิคุณเป็นเมตตาสมชื่อ หลวงพ่อบุญรวบท่านใช้อยู่ตลอดชีวิต เวลาท่านไปไหนท่านจะพกว่านใจอ่อนและอมกิ่งกาหลงไป โยมก็ไม่ยอมคิดเงิน เวลาท่านไปขอกฐินผ้าป่าโยมก็แย่งกันเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนี้แล้ว ท่านยังให้พันจ่าเอกสงกรานต์ มนต์สุกะซึ่งขณะนั้นมีอายุอยู่ราว ๑๕ –๑๖ ปี ขูดผงพลวงพ่อแก้วพิมพ์หลังแบบ๔องค์ที่ท่านได้มาจากในวัดใส่ลงในตุ่มซึ่งตอนนั้นมีผงเพียง ๔ตุ่มและนำผงทั้งหมดเข้ามหาพุทธาภิเษกในโบสถ์วัดในปากทะเลในวันเสาร์๕อีกครั้งจากนั้นก็ยังทำการขยายผงต่อมาเรื่อยๆ จนได้ถึงหกตุ่ม และคราใดที่หลวงพ่อบุญรวบว่างจากศาสนกิจ ท่านจะลงไปนั่งเสกนอนเสกผงเหล่านี้นานนับ๔๐ปี กระทั่งท่านเริ่มป่วย สังขารไม่อำนวยจึงหยุดไป และก่อนท่านมรณภาพ(อายุ ๙๒ ปี พศ. ๒๕๔๙)ท่านได้สั่งพระอธิการสมพิศเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันไว้ว่า หากจะนำผงนี้ไปสร้างพระ เมื่อสถาปนาเป็นองค์พระแล้ว ไม่จำเป็นต้องปลุกเสกอีกให้นำออกแจกจ่ายได้เลย เพราะผงนี้เป็นผงที่สำเร็จไว้ดีเยี่ยมหมดแล้ว และห้ามมอบให้ศิษย์นอกสายอันพึงควร ประกาศิตของหลวงพ่อบุญรวบนี้ไม่มีผู้ใดกล้าขัด เพราะท่านเป็นพระที่ดุและขลังมาก ส่วนจะขลังขนาดไหน? ดูภาพสังขารที่กลายเป็นหินของท่านดูก็แล้วกัน
เรื่องการขยายผงนี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รวมถึงผู้ช่วยโขลกตำผสมผง ซึ่งปํจจุบันยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน อาทิพระสมพงษ์ สัจฺจธมฺโม คุณเจเจ้าของร้านเจโฟโต้ พันจ่าเอกสงกรานต์ มนต์สุกะฯลฯ ต่างก็ยืนยันว่าหลวงพ่อบุญรวบท่านลบผงเอง ผสมผงและปลุกเสกมายาวนานตลอดชีวิต
นอกจากนี้ยังมีโอกาสเข้าไปถ่ายรูปผงหกตุ่มในห้องเก็บผงที่ปิดตายไว้ด้วย เมื่อแรกที่เปิดประตูเข้าไป พบว่าสายสิญจน์ยังพันอยู่ที่ปากตุ่มทั้งหก แต่ด้วยความตื่นเต้นอยากจะเห็นผงจึงรีบเข้าไปช่วยกันยกของที่กองมั่วๆปิดปากตุ่มไว้ออก ทีนี้บนกองของมีสายสิญจน์ที่พันมั่วนัวเนียไปจากปากตุ่ม เลยต้องแก้สายสิญจน์ทั้งหมดออกก่อน จนลืมถ่ายรูปสภาพเดิมๆไว้ แต่ไม่เป็นไรเพราะผู้เขียนคิดว่าเพียงแค่รูปเท่านี้ก็สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้แล้ว
ต่อมาเมื่อท่านพระอธิการสมพิศทราบว่าหลวงปู่เลิศและคณะศิษย์จะจัดสร้างวัตถุมงคลหาปัจจัยสร้างรูปหล่อเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อทองสุขและหลวงพ่อเทียนอดีตเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวงขึ้น ท่านจึงเห็นว่าควรนำผงหลวงพ่อแก้ว หลวงพ่อปลอด หลวงพ่อทองสุข ที่หลวงพ่อบุญรวบลบขยายเพิ่มเติมนี้มอบถวายไปจัดสร้างพระสมเด็จหอม เนื่องจากหลวงปู่เลิศท่านเป็นหลานชายผู้สืบพุทธาคมของหลวงพ่อทองสุขและกำลังจะหล่อรูปหลวงพ่อฯผู้เป็นพ่อบุญธรรมของหลวงพ่อบุญรวบเจ้าของผง
ภายหลังพระอธิการสมพิศได้เล่าว่า ผงนี้หลวงพ่อบุญรวบท่านไม่เคยยอมให้ใคร สมัยก่อนตอนท่านมีชีวิตอยู่ มีนักสร้างพระจะมาขอสร้างพระให้ท่านจากผงนี้ หลวงพ่อบุญรวบก็ไม่อนุญาตและต่อว่าไปแรงๆ พอมาถึงยุคของท่าน (พระอธิการสมพิศ) ไม่ว่าจะพระผู้ใหญ่ หรือ วัดใกล้เคียงที่เวียนกันมาขอ ท่านก็ยังไม่เคยมอบให้ใคร เพราะท่านต้องทำตามคำสั่งของเจ้าของผงคือหลวงพ่อบุญรวบ แต่ครั้งนี้ที่ถวายให้หลวงปู่เลิศนั้นคงเป็นเพราะหลวงพ่อบุญรวบดลใจให้ เนื่องจากท่านคงอยากจะร่วมสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทองสุข ที่หลวงปู่เลิศเป็นผู้ดำเนินการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น